ITO Thailand Hygiene Blog
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอุตสาหกรรมอาหาร
เราสามารถนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มองไม่เห็น มาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหารได้อย่างไรบ้าง?
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคืออะไร?
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดจากการทำให้สนามแม่เหล็กหรือสนามไฟฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดเป็นคลื่นพลังงานที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ มีความยาวคลื่นและความถี่หลากหลาย ทั้งในช่วงที่ตาของมนุษย์มองเห็นและมองไม่เห็น ซึ่งแต่ละช่วงความถี่ จะมีสมบัติและการใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน
การใช้งานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอุตสาหกรรมอาหาร
•การคัดเกรดวัตถุดิบ (grading)
ในปัจจุบันเราสามารถนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาตรวจสอบสมบัติของวัตถุดิบได้โดยที่ไม่ต้องทำลายตัวอย่าง เช่น การวัดสีของตัวอย่าง ที่ความยาวคลื่นแสงที่ตาสามารถมองเห็นได้ (400-700 nm) เทียบกับมาตรฐานสีที่กำหนด (เช่น ระดับความสุกของผลไม้) หรือการใช้เทคนิค Hyperspectral imaging เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างของชิ้นตัวอย่าง เช่น ปริมาณและรูปแบบไขมันแทรกในชิ้นเนื้อสัตว์
•กระบวนการผลิต (processing)
การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในกระบวนการผลิตอาหาร สามารถแบ่งได้เป็นกระบวนการผลิตที่ใช้ความร้อนและไม่ใช้ความร้อน
•กระบวนการผลิตที่ใช้ความร้อน
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงที่มีพลังงานสูง สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนแก่ชิ้นอาหารได้ โดยสามารถทำให้ภายในชิ้นอาหาร ที่คลื่นสามารถแทรกเข้าไปได้ เกิดความร้อนได้ ซึ่งแตกต่างจากการให้ความร้อนแบบปกติ ที่ต้องอาศัยตัวกลางพาความร้อน (เช่น น้ำ น้ำมัน อากาศ) จากแหล่งอาหารเข้าสู่พื้นผิวอาหาร และนำความร้อนจากผิวอาหารเข้าสู่ใจกลางชิ้นอาหาร ช่วงคลื่นที่นิยมที่สุดในการให้ความร้อน คือ คลื่นไมโครเวฟ (microwave) และคลื่นวิทยุ (radio frequency)
นอกจากการใช้เพื่อจุดประสงค์ในการทำให้อาหารสุกด้วยความร้อนแล้ว ยังมีการใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น การทำละลายอาหารแช่แข็ง การทำแห้ง การใช้เพื่อยับยั้งเอนไซม์แทนการลวก การเตรียม (pretreatment) ก่อนกระบวนการอื่น ๆ เช่นการสกัดหรือการย่อย เป็นต้น [1]
•กระบวนการที่ไม่ใช้ความร้อน
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถใช้ในกระบวนการผลิตโจทย์ที่มีความไว (sensitive) ต่อความร้อน เช่น ต้องการฆ่าเชื้อบนผิวเปลือกไข่ โดยไม่ต้องการให้โปรตีนไข่สุก การฉายรังสีเพื่อฆ่าจุลินทรีย์ก่อโรคในแหนม หรือการฆ่าเชื้อโดยคงรักษาสารฟังก์ชันที่ไวต่อความร้อนไว้ โดยกระบวนการเหล่านี้ มักใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงคลื่นแสง ในรูปแบบของ pulsed light หรือคลื่นแสงช่วงอัลตราไวโอเลต
•เพื่อสุขลักษณะที่ดี (hygienic application)
เช่นเดียวกับการฆ่าเชื้อบนผิวอาหารบางชนิด แสงยูวีถูกนิยมนำมาใช้เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บนพื้นผิวต่าง ๆ เช่น โต๊ะ เครื่องจักร สวิทช์ไฟ มือจับประตู ฯลฯ แต่ข้อควรระวังคือ แสงยูวีอาจมีอันตรายต่อมนุษย์ จึงไม่สามารถฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวีในขณะปฏิบัติงานได้ หรือจำเป็นต้องอยู่ในกล่องที่ปิดมิดชิด
นอกจากเพื่อการฆ่าเชื้อแล้ว แสงยูวียังสามารถล่อแมลง [2] ดังนั้น ในกับดักแมลงสำหรับอุตสาหกรรมอาหารจึงนิยมใช้หลอดไฟยูวีเพื่อล่อแมลงเข้ามาติดกับดักกาว
•การตรวจสอบ (inspection)
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในการตรวจสอบการปนเปื้อนหรือความผิดปกติของผลิตภัณฑ์ เช่นmetal detector ที่ใช้ตรวจสอบการปนเปื้อนชิ้นโลหะ การใช้คลื่น x-rays เพื่อตรวจสอบภายในชิ้นผลิตภัณฑ์ หรือการใช้คลื่นอินฟาเรดตรวจสอบอุณหภูมิของอาหาร เป็นต้น
•การสอบย้อนกลับ (traceability)
ในกระบวนการสอบย้อนกลับ การติดแท็กต่าง ๆ มักสามารถอ่านสัญญาณได้ด้วยเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น การอ่านบาร์โค้ดด้วยคลื่นอินฟาเรด หรือการอ่านแท็ก RFID ด้วยคลื่นวิทยุ เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง
1.Guzik, P., Kulawik, P., Zając, M., & Migdał, W. (2022). Microwave applications in the food industry: An overview of recent developments. Critical Reviews in Food Science and Nutrition, 62(29), 7989-8008.
2.Shimoda, M., & Honda, K. I. (2013). Insect reactions to light and its applications to pest management. Applied entomology and zoology, 48, 413-421.
Related Post
-
โปรตีนจากแมลงที่กินได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการเรียกร้องให้สร้างความตระหนักถึงการบริโภคอย่างยั่งยืน เราได้พูดคุยกันว่าอาหารจากพืช สามารถให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้อย่างไร และการยอมรับของผู้บริโภคต่ออาหารทดแทนเนื้อสัตว์ เนื่องจากการบริโภคเนื้อสัตว์มีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นักวิจัยจึงได้ค้นพบแหล่งอาหารแห่งใหม่ที่มีโปรตีนสูงและยั่งยืนนั่นก็คือแมลง
-
บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายด้วยวิธีทางชีวภาพ
บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายด้วยวิธีทางชีวภาพหมายถึงบรรจุภัณฑ์ใดที่จะแตกสลายและย่อยสลายตามธรรมชาติตรงตามชื่อ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายด้วยวิธีทางชีวภาพได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับหลายองค์กร ในบล็อกที่แล้ว ได้กล่าวถึงประเด็นที่คล้ายกันคือ พลาสติกชีวภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ยังมีความแตกต่างระหว่างกันบางประการ ตัวอย่างเช่น พลาสติกชีวภาพ ทำมาจากวัตถุดิบที่มีแหล่งที่มาจากแหล่งธรรมชาติและหมุนเวียนและอาจหรือไม่อาจย่อยสลายทางชีวภาพก็ได้ ในทางตรงกันข้าม พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติผ่านสิ่งมีชีวิตไม่ว่าวัสดุจะกำเนิดมาจากแหล่งใด ในบล็อกนี้จะกล่าวถึงประวัติการพัฒนาของบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายด้วยวิธีทางชีวภาพ วัสดุที่ใช้บ่อย ข้อดีและข้อเสียของบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายด้วยวิธีทางชีวภาพ และแนวโน้มในอนาคตของบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายด้วยวิธีทางชีวภาพ
-
การเกษตรแบบแม่นยำ
การเกษตรแบบแม่นยำได้ปฏิวัติวิธีการจัดการการเพาะปลูกโดยการใช้ปัจจัยการผลิตให้เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ตรงกับความต้องการที่เฉพาะเจาะจง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ระบบใหม่ แต่เทคโนโลยีล่าสุดทำให้สามารถนำไปใช้ปฏิบัติในการผลิตได้จริง ในบล็อกนี้ เราจะพูดถึงคำจำกัดความของการเกษตรแบบแม่นยำ ข้อดีข้อเสีย และแนวโน้มในอนาคต
-
เกษตรกรรมแนวตั้ง
การเกษตรได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีอยู่เกือบทั้งหมด ทำให้การหาที่ดินบนผิวโลกทำได้ยากขึ้น ด้วยทรัพยากรที่จำกัด การตอบสนองความต้องการด้านอาหารของโลกจึงต้องมีวิธีการที่สร้างสรรค์และเชื่อถือได้มากขึ้นในการผลิตอาหารที่ปลอดภัย และคำตอบคือเกษตรกรรมแนวตั้งนั่นเอง
-
บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ
หากไม่มีบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อาหารจะสามารถอยู่ได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่สามารถจัดการด้านโลจิสติกส์ได้ มีความยากลำบากในระบบห่วงโซ่อุปทาน การเสื่อมคุณภาพอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มที่จะปนเปื้อนเชื้อโรคที่มีความเสี่ยงในอาหาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีฟังก์ชันอีกมากมายที่บรรจุภัณฑ์มีส่วนช่วยในผลิตภัณฑ์อาหาร เช่นเดียวกับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะหลายประเภท ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ ดังนั้นในบล็อกนี้ เราจะพูดถึงการใช้ประโยชน์จากบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะในผลิตภัณฑ์อาหาร
-
Robots & automations in food industry
เข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่ ด้วยระบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมอาหาร