ITO Thailand Hygiene Blog
การตั้งรหัสสีในอุตสาหกรรมอาหาร
ความสะอาดและความปลอดภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในอุตสาหกรรมอาหาร การตั้งรหัสสี สำหรับอุปกรณ์ในโซนที่แตกต่างกัน เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สำคัญในการช่วยป้องกันการปนเปื้อนข้ามและจัดการกับวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาท่านไปสำรวจการตั้งรหัสสีและการแบ่งโซนต่าง ๆ ที่มีผลต่อความปลอดภัยในกระบวนการผลิตอาหาร
1.จุดประสงค์ในการกำหนดรหัสสี
การตั้งรหัสสีมีจุดประสงค์ที่สำคัญหลายประการ อาทิ:
♦ลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนข้าม การกำหนดสีให้กับอุปกรณ์ช่วยลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนข้ามระหว่างโซนที่แตกต่างกัน เช่น ระหว่างการจัดการวัตถุดิบดิบและสุก ช่วยให้พนักงานสามารถจำแนกและใช้เครื่องมือได้อย่างถูกต้อง (อ่านเพิ่มเติมเรื่องการปนเปื้อนข้าม)
♦เป็นหนึ่งในเทคนิคการสื่อสารกับพนักงานที่มีประสิทธิภาพ การใช้ระบบรหัสสีช่วยให้พนักงานทุกคนเข้าใจการแบ่งโซนและการใช้งานอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน ลดความสับสนและความผิดพลาดในการทำงาน โดยสามารถระบุการใช้งานเฉพาะอุปกรณ์ตามสีได้ทันที
♦เป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานอาหาร เช่น BRC, FSSC22000 เป็นต้น ที่มีการกำหนดให้แยกอุปกรณ์ตามโซนต่าง ๆ เช่น ระดับความเสี่ยง
♦เป็นมาตรการสำคัญในการจัดการกับสารก่อภูมิแพ้ เพื่อลดความเสี่ยงการปนเปื้อนวัตถุดิบหรือกระบวนการผลิตที่มีสารก่อภูมิแพ้ไปยังโซนอื่น ๆ ของพื้นที่ในการผลิต
♦ช่วยให้ระบบการตรวจสอบง่ายขึ้น ว่าพนักงานใช้เครื่องมือถูกต้องตามมาตรการที่กำหนดหรือไม่อย่างไร รวมไปถึงผู้รับผิดชอบ ประจำตามจุดที่กำหนดหรือไม่
♦ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย การตั้งรหัสสีสามารถส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในที่ทำงาน โดยการให้พนักงานมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการจัดการอาหาร ทำให้เกิดการปฏิบัติที่ดีขึ้น รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการตกลงมาตรการร่วมกันอีกด้วย
2.รหัสสีสามารถใช้กับอุปกรณ์ใดบ้าง?
การตั้งรหัสสีสามารถใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหาร เช่น มีด เขียง แปรงทำความสะอาด ถังเก็บขยะ ผ้าทำความสะอาด และ ไม้ถูพื้น เป็นต้น รวมไปถึงชุดของพนักงานในโซนที่แตกต่างกันอีกด้วย เพื่อให้สามารถแบ่งแยกผู้ปฏิบัติงานและอุปกรณ์ได้อย่างชัดเจน
3.ตัวอย่างการแบ่งโซนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
รหัสสีสามารถกำหนดให้เข้ากับรูปแบบเฉพาะของแต่ละองค์กร โดยมักนิยมใช้ในการแบ่งโซนในกระบวนการผลิตอาหารเพื่อลดความเสี่ยงในการปนเปื้อน โดยสามารถแบ่งได้เป็นหลายหมวดหมู่ ตัวอย่างเช่น โซนอาหารดิบ-อาหารสุก, การแบ่งตามชนิดของวัตถุดิบ เช่น เนื้อ ปลา ผัก, สีเฉพาะสารก่อภูมิแพ้, สีเฉพาะความเชื่อทางศาสนา เช่น ฮาลาล และ การแบ่งสีตามโซนความเสี่ยง เช่น จุดที่สัมผัสอาหารโดยตรง แยกออกจากจุดที่ไม่ต้องสัมผัสอาหาร เป็นต้น
4.เคล็ดลับควรรู้เกี่ยวกับการจัดทำรหัสสีสำหรับอุปกรณ์
♦ใช้สีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
♦มีการจัดทำเอกสารการระบุสี การจัดอบรมเพื่อทำความเข้าใจกับพนักงาน
♦อาจมีการปรับปรุงระบบตามการทำงานจริงเพิ่มเติมหลังทดลองใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละองค์กร
♦มีการระบุสถานที่เก็บของอุปกรณ์แต่ละสี ที่เป็นระเบียบและแยกออกจากกันชัดเจน
♦เพิ่มโอกาสการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยการขอไอเดียในการตกลงรหัสสีร่วมกัน
5.ทางเลือกที่ดีสำหรับความปลอดภัยในอุตสาหกรรมอาหาร
การตั้งรหัสสีในอุตสาหกรรมอาหารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสร้างระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตามมาด้วยการเลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน และสามารถระบุรหัสสีได้
เราขอแนะนำ แปรงเกรดอาหารที่มีการแบ่งสี ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมอาหารอย่างแท้จริง
ทำไมต้องเลือกแปรงเกรดอาหารที่มีการแบ่งสี?
♦ป้องกันการปนเปื้อน: แปรงเกรดอาหารแบ่งสีไปจนถึงขนแปรง มีการคล้องขนเป็นรูปตัว V อย่างแน่นหนา เพื่อลดโอกาสการปนเปื้อน
♦คุณภาพและความทนทาน: แปรงของเราได้รับการผลิตจากวัสดุเกรดสูง ที่ทนทานต่อการใช้งานหนักในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัย
♦การฝึกอบรมที่ง่าย: การใช้งานแปรงที่มีการแบ่งสีทำให้พนักงานสามารถเรียนรู้และปฏิบัติตามขั้นตอนการทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
♦การออกแบบที่คำนึงถึงสุขอนามัย: ด้วยการออกแบบจุดแขวนสำหรับแปรงทุกรุ่น เพื่อให้สามารถผึ่งแห้งได้อย่างถูกสุขลักษณะ
♦ปกป้องเพิ่มเติมด้วยรุ่นตรวจด้วยเครื่องตรวจโลหะได้: ในจุดที่มีความเข้มงวดมาก เราขอเสนอแปรงรุ่นขนผสมผงโลหะ เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ด้วยเครื่องตรวจโลหะ กรณีมีการปนเปื้อน เพื่อยกระดับความปลอดภัยสูงสุด
เพราะความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เราขอเชิญคุณเข้ามาสัมผัสกับ แปรงเกรดอาหารที่มีการแบ่งสี ของเรา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและคุณภาพให้กับกระบวนการผลิตของคุณ
ติดต่อเราเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ทันที
Related Post
-
การควบคุมฝุ่นในกระบวนการผลิต: การจัดการและโซลูชั่นที่คุณต้องรู้
การนำฝุ่นเข้าสู่บริเวณผลิตสามารถเกิดขึ้นได้หลายทาง ทั้งจากอากาศ ร่างกายพนักงาน หรือแม้กระทั่งจากการขนส่งวัสดุ ฝุ่นที่มาพร้อมกับพาหะเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร แต่ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพของพนักงาน และทำให้กระบวนการผลิตเกิดความไม่สะดวก การเข้าใจถึงแหล่งที่มาของฝุ่นและวิธีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
-
เปรียบเทียบความแตกต่าง ลูกกลิ้ง – เครื่องดูดฝุ่นและเส้นผม – แอร์ชาวเวอร์
ฝุ่น เส้นผม เส้นขน เศษด้าย เป็นการปนเปื้อนทางกายภาพที่พบได้บ่อยในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งนอกจากการเปลี่ยนชุด รองเท้า ใส่หมวกและชุดคลุมแล้ว การกำจัดสิ่งปนเปื้อนด้วยวิธีต่าง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่จำเป็นในการลดความเสี่ยงการปนเปื้อน ซึ่งในบรรดาอุปกรณ์ที่ใช้ในขั้นตอนนี้ เช่น ลูกกลิ้ง เครื่องดูดฝุ่นและเส้นผม ห้องเป่าลมหรือแอร์ชาวเวอร์ มักถูกเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ ว่าอันไหนดี อันไหนมีความจำเป็น ต้องใช้ซ้ำซ้อนกันหรือไม่ อย่างไร
-
5 โซลูชั่นการลดสารเคมีสำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในกระบวนการผลิตอาหาร
ค้นพบ 5 โซลูชั่น ไอเดียการลดสารเคมีสำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในกระบวนการผลิตอาหาร ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง พร้อมแนวทางการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลสุขอนามัยในอุตสาหกรรมอาหาร
-
5 โซลูชั่นการลดสารเคมีสำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในกระบวนการผลิตอาหาร
ค้นพบ 5 โซลูชั่น ไอเดียการลดสารเคมีสำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในกระบวนการผลิตอาหาร ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง พร้อมแนวทางการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลสุขอนามัยในอุตสาหกรรมอาหาร
-
6 จุดเด่น ของเครื่องดูดฝุ่นและเส้นผมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร
เครื่องดูดฝุ่นและเส้นผมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร: กำจัดเส้นผมและฝุ่นละอองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย ลดการปนเปื้อนจากพนักงาน บำรุงรักษาง่าย วัสดุทนทาน มาตรฐานสูงเพื่อความปลอดภัยของอาหาร
-
5 เทคนิคการจัดทำโปรเจคหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในระบบอุตสาหกรรมอาหาร
เรียนรู้ 5 เทคนิคการจัดทำโปรเจคหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในระบบอุตสาหกรรมอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่า พร้อมคำแนะนำในการเลือกหุ่นยนต์ที่เหมาะสม และการบำรุงรักษาให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ